ตุ๊กตาลูกเทพ
1.สถานการณ์ที่เกิดนี้ เกิดอะไรกิบจิตใจของคนในปัจจุบัน?
ปรากฏการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบันเรามองได้ 2 แง่
- แง่ปรากฏการณ์ของคนส่วนใหญ่ในสังคมที่เกิดขึ้นจริง (ปรากฏการนั้นมีผลต่ออนาคตของชาติ)
2.แง่ปรากฏการณ์ของคนกลุ่มเล็กๆ แต่เป็นกระแส จึงทำให้เหมือนเป็นเรื่องของคนส่วนใหญ่ (ปรากฏการณ์นั้นมักอยู่ไม่นานและสุดท้ายจะส่งผลกระทบกับคนที่เข้าร่วมกระแส) ซึ่งกรณีตุ๊กตาลูกเทพเชื่อว่าเป็นในแง่ที่ 2
สามารถสังเกตได้จากการที่คนไทยส่วนมากเรายังใช้ชีวิตกันตามปกติ ในกระทู้หรือข่าวที่แม้มีคนอ่านมากแต่ในการกดแสดงความคิดเห็นยังเป็น “ไม่ชอบ” ส่วนมาก
ดังนั้นโดยสรุป ปรากฏการณ์ลูกเทพสะท้อนให้เราเห็นความขาดและการเติมเต็มให้กับชีวิตตัวเองของคนกลุ่มนึงเท่านั้น
คือกลุ่มผู้ขาย สิ่งที่คนกลุ่มนี้ขาดคือเงิน คือความมั่นใจในตนเองและสัมมาอาชีพ สิ่งที่ทำเพื่อเติมเต็มคือการทำธุรกิจเพื่อขายสิ่งที่เป็นความเชื่อ ความศัทธาให้กับคนที่ต้องการสิ่งนั้น เพราะนอกจากรายได้ยังได้ความเชื่อจากคนซื้อมาเสริมความมั่นใจด้วย
กลุ่มผู้ซื้อ สิ่งที่คนกลุ่มนี้ขาดคือความมั่นใจ เชื่อและศรัทธาในตนเอง ( สังคมไทยเรามีวัฒนธรรมในเรื่องความเชื่อทางไสยศาสตร์มาช้านาน ทั้งที่รู้ตัวและไม่รู้ตัวก็ดี) ซึ่งโดยส่วนมากเราก็เคยมีภาวะนี้กันทุกคน ยกตัวอย่างว่า เวลาที่เรามีปัญหาที่คิดไม่ตกมักคิดถึงหมอดู เวลาที่เราเจอเหตุการณ์ที่เรียกว่าซวยเราจะอยากรดน้ำมนต์ เวลาเราเจอปัญหาร้ายแรงเราจะอยากเข้าวัด (แต่ในช่วงที่เรามีความสุข สงบ สำเร็จเราจะคิดถึงเรื่องพวกนี้น้อยลงจนไม่คิดเลย) สิ่งที่ได้เติมเต็มผู้ซื้อคือ ความรู้สึกมีที่พึ่งทางใจ สบายใจ นำไปสู่การกลับมามั่นใจตัวเองอีกครั้ง ดังคำที่ว่า “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”
2.ผู้ที่นิยมเลี้ยงลูกเทพ มีความปกติทางจิตใจหรือเจ็บป่วยหรือไม่?
คำตอบคือ ไม่จำเป็น เรื่องความเชื่อทางไสยศาสตร์ หรือพุทธพิธีต่างๆเป็นสิ่งที่ฝังอยู่ในสังคมไทยเรามานาน แต่สิ่งที่แตกต่างจากยุคสมัยก่อน คือ การสื่อสารให้รู้ถึงความคุณค่าและความหมายของพิธีกรรมเหล่านั้น เช่น เรารดน้ำมนตร์หลังจากเจอเหตุร้าย
ความหมายคือเป็นสัญลักษณ์ในการล้างอดีตที่ไม่น่าจดจำแล้วมีสติกับปัจจุบันในการเริ่มต้นใหม่ การบูชาพระเครื่องไปแขวนให้คลาดแคล้ว
ผู้แขวนต้องรักษาศิล การเลี้ยงกุมารทองผู้เลี้ยงนอกจากจะต้องต้องรักษาศิลแล้ว ยังต้องมีความเมตตาและความรับผิดชอบ กุมารทองจึงจะให้ผล ลูกเทพเองก็คือกุมารทองในยุคใหม่ซึ่งอาจขาดการสื่อสารในเรื่องคุณค่าและความหมาย
สุดท้ายเราอาจได้ผลของการกระทำที่เป็นเปลือก ไม่ใช่หัวใจสุขสงบที่แท้จริง
โดยสรุป ทั้งหมดก็คือการสร้างเงื่อนไขให้เราทำความดี มีศิล สติ และปัญญาในการดำเนินชีวิต
หากเรามีความมั่นใจในตัวเองอย่างแท้จริง( ไม่ใช่แค่ภาพที่แสดงให้ผู้อื่นเห็น) เราสามารถทำทุกอย่างให้ประสบความสำเร็จและมีความสุขได้โดยไม่ต้องสร้างเงื่อนไขใด
แล้วเมื่อไรเข้าขั้นป่วยควรรักษา ? เมื่อเราหมกมุ่นกับความเชื่อจนเรารู้สึกเป็นทุกข์ เสียคุณภาพชีวิต ทั้งการงานการเงินและความสัมพันธ์กับคนรอบข้าง
3.ให้ข้อแนะนำ/แนวทางป้องกัน สำหรับผู้ที่ต้องการเลี้ยงลูกเทพ
ควรรู้คุณค่าและความหมายของสิ่งที่เรากำลังจะตัดสินใจทำ อย่าตัดสินใจเพียงเพราะความคิดว่า “เชื่อว่า” หรือเห็นคนอื่นเค้ามี หรืออยากให้คนอื่นรู้ว่าเราไม่ตกเทรน เพราะหากเป็นเช่นนั้นหมายความว่าเรากำลังจะเสียเวลาไปกับความสุขที่ไม่มั่นคงและยั่งยืน
ทั้งที่เราไม่รู้ว่าเรามีเวลาอยู่บนโลกนี้อีกนานแค่ไหน
อย่างที่ คุณปอ ทฤษฎี สหวงศ์เคยกล่าวว่า “ ผมทำทุกวันให้เหมือนเป็นวันสุดท้าย” แล้วสิ่งที่คุณปอทำคือ ทำความดีกับตนเอง(รักษาสุขภาพร่างกาย จิตใจตนเอง) ทำความดีให้ครอบครัว(เป็นลูก เป็นสามี เป็นพี่ เป็นพ่อที่ดี) ทำความดีให้สังคมมากมาย “แม้จากไปสิ่งที่ทิ้งไว้คือปรากฏแห่งความดี เราทุกคนก็ทำได้เช่นกัน”
หมอเอิ้น พิยะดา 25-1-59