fbpx

ถ้าเป็นคุณ คุณจะเลือกเก่งแบบไหน?

เมื่อวันก่อนหมอลองตั้งคำถามชวนทบทวนตัวเองกับพวกเรา
โดยการตั้งคำถามว่า
“ถ้าเลือกเก่งได้จะเลือเก่งแบบไหน ระหว่าง
1.ทำงานเก่ง 2.ใช้ชีวิตเก่ง”
โดยตั้งใจจะไม่ตั้งกดกติกาอะไรมาก เปิดอิสระให้ทุกคนตีความ
และเลือกตอบโดยไม่มีผิดถูก
.
ที่มาของคำถามนี้คือ
.
ช่วงนี้หมอกำลังอ่านหนังสือของพี่โจ้ ธนา เธียรอัจฉริยะ ชื่อ ล้ม ลุก เรียนรู้
เพราะช่วงนี้หมอกำลังฝึกฝนและหาองค์ความรู้ในเรื่องการสร้างจิตใจที่ยืดหยุ่น( Resilience people)
เพราะเล็งเห็นแล้วว่าถ้าธุรกิจหรือองค์กรไหนไม่มีความยืดหยุ่น
คงเริ่มอยู่ยากในสถานการณ์แบบนี้
องค์กรอยู่ไม่ได้ คนก็อยู่ไม่ได้
แต่องค์กรจะกระโดดไปยืดหยุ่นได้อย่างไร ถ้าคนยังไม่ยืดหยุ่น
.
หมอว่าทุกคนรู้เรื่องนี้ดี แต่ปัญหาคือ #อยากยืดหยุ่นแล้วจะยืดหยุ่นอย่างไร
ต้องยืดหยุ่นแค่ไหน
คำถามนี้ก็คล้ายกับการที่เราอยากมีความสุข
แต่จะมีความสุขอย่างไร ต้องสุขแค่ไหนกันถึงจะพอดี
.
หมอเองไม่ได้รู้จักพี่โจ้เป็นการส่วนตัว
แต่ก็ติดตามผลงานและแนวคิดของพี่โจ้มายาวนาน
และเห็นความเปลี่ยนแปลงในระยะไกลๆ
ต้องบอกว่าในวงการธุรกิจของเมืองไทย
พี่โจ้ถือเป็นซุปเปอร์สตาร์ในมุมของการเป็นผู้บริหาร
หมอรู้จักชื่อพี่โจ้ครั้งแรกจากหนังสือที่พี่โจ้เขียน
ชื่อว่า คนพลิกแบรนด์ แบรนด์พลิกคน
ซึ่งตอนนั้นพี่โจ้เป็นผู้บริหารดีแทค
และเป็นคนสำคัญในการสร้างแบรนด์Happy DTac
ตอนนั้นหมอคิดว่าพี่โจ้น่าจะต้องอยู่ที่ DTac ตลอดไป
เพราะได้สร้างอะไรดีๆไว้มากมาย
.
แต่ไม่กี่ปีต่อมาพี่โจ้ก็ออกจาก DTac มาเป็นผู้บริหารในหลายๆองค์กร เช่น แม็คยีน หรือแม้กระทั่งGmm แกรมมี่
ที่หมอก็ทำงานอยู่ในฐานะนักแต่งเพลง ในช่วงเวลานั้นจะได้ยินข่าวการย้ายบริษัทอยู่บ่อยครั้งจากสื่อต่างๆ
และจำได้ว่าได้มีโอกาสฟังบทสัมภาษณ์ที่พี่โจ้เล่าเองว่า
ตัวพี่โจ้เองต้องเจอความล้มเหลวจากการทำงานหลายครั้ง
รวมถึงการทำธุรกิจของตัวเองด้วย
แรกๆเจ็บปวดมาก เพราะเคยประสบความสำเร็จจากการทำงานและเข้าใจว่าตัวเองเป็นคนทำงานเก่งมาก
แต่ความเจ็บปวดก็สอนพี่โจ้ในหลายแง่มุมของการใช้ชีวิตและวิธีคิด
เช่น จากคนทำงานมากและไม่ได้สนใจตัวเอง เคยอ้วนมากจนต้องเข้าโรงพยาบาล และเคยต้องเผชิญกับโรคแพนิค ทางเดียวที่จะฟื้นฟูตัวเองกลับมาได้ คือการออกไปวิ่งทั้งที่ไม่ชอบการวิ่ง
การเปลี่ยนจากการคิดว่าตัวเองเป็นผู้รู้. เป็นรู้จักขอบคุณความไม่รู้ เป็นต้น
.
หลังจากได้รับบทเรียนจากความเก่งและความล้มเหลวมากมาย
พี่โจ้จับมือกับพี่ตุ้ม หนุ่มเมืองจันทร์ในการสร้างหลักสูตรพัฒนาความคิดสร้างสรรค์เชิงธุรกิจที่มีชื่อว่า ABC(Academy of business creativity) ซึ่งปัจจุบันนี้เป็นคลาสธุรกิจที่ได้รับความนิยมอันดับหนึ่งของประเทศ
.
การได้อ่านหนังสือเล่มที่สองของพี่โจ้
หลังจากอ่านเล่มแรกไปเมื่อเกือบ 10 ปีก่อน
พบว่าเรื่องราวยังคงสนุกแต่มีจุดที่แตกต่างไป
เพราะ หนังสือล้มลุกเรียนรู้ มีเรื่องราวชีวิตส่วนตัวของพี่โจ้ที่น่าสนใจมากมาย
การหันกลับมาดูแลสุขภาพตัวเอง
การให้เวลาในการดูแลครอบครัวโดยเฉพาะลูกสาวทั้งสองคน
การสอดแทรกเรื่องราวของผู้คนในระหว่างทางโดยเฉพาะในแง่มุมแนวคิดการทำงานและธุรกิจ
.
ที่ชอบมากคือ การ ล้ม ลุก เรียนรู้ ที่ผ่านมาทำให้พี่โจ้ค้นพบคำจำกัดความ
ของตัวเอง หากมีคนถามว่า
“พี่คือใคร” คำตอบคือ I am a #girldad
ซึ่งหมอคิดเอาเองว่าถ้าเมื่อ10 ปีที่แล้วอาจไม่ใช่คำตอบนี้
.
ปัจจุบันพี่โจ้กลับมาทำงานประจำโดยเป็นผู้บริหารระดับสูงของธนาคารแห่งหนึ่ง
ผลงานที่เราจะคุ้นหูกันมากนั้นคือ application Robinhood
.
การอ่านหนังสือเล่มแรกของพี่โจ้ ทำให้หมอรู้สึกว่า “#ผู้ชายคนนี้ทำงานเก่งจัง
การอ่านหนังสือเล่มที่สองทำให้รู้สึกว่า
จุดมุ่งหมายในชีวิตที่แตกต่างนี้
อยู่ในร่างของคนคนเดียวกันแต่อยู่คนละช่วงเวลา
.
แต่ถ้ามีคนถามพี่โจ้ว่า “คุณเสียดายมั้ยที่คุณไม่ได้เป็นคนที่ใช้ชีวิตเก่งตั้งแต่แรก”
(หมอไม่เคยเจอพี่โจ้ และหมอก็ไม่เคยคุยกับพี่โจ้ ) แต่ถ้าหมอเดาความคิด พี่โจ้คงตอบว่า
“ไม่เสียดาย” เพราะการทำงานเก่งในวันนั้นก็ต่อ
ยอดให้พี่โจ้ได้เจอโอกาสมากมาย จนทำให้กลายเป็นคนใช้ชีวิตเก่งอย่างทุกวันนี้
“แล้วถ้าให้คุณเลือก คุณจะเลือกเก่งแบบไหน”
หมอก็เดาว่า “ เลือกแบบที่ใกล้เคียงกับชีวิตจริงในปัจจุบัน”
เราอาจจะเก่งงานแล้วค่อยสร้างสมดุลด้วยการเก่งการใช้ชีวิต
หรือ เราอาจเก่งการใช้ชีวตแล้วค้นพบว่าเราเก่งงานอะไร
ดังนั้น กับคำถามที่ว่า “คุณจะเลือกเป็นคนแบบไหน ระหว่างทำงานเก่ง กับใช้ชีวิตเก่ง”
คำตอบที่ถูกต้องคือคำตอบที่เราอยากตอบเท่านั้นเอง