fbpx

สัญญาณที่บอกว่า Passion นั้นจริง

 

7 ข้อคิดที่เราควรเข้าใจก่อนปล่อยชีวิตไปตาม Passion

เด็กหลายคนตามหา Passion

ผู้ใหญ่หลายคนกำลังบ่นว่า Passion หายไป

ในขณะที่บางคนกำลังเหนื่อยเพราะมี Passion มากจนเกินไป

แล้วตอนนี้คุณเป็นอย่างไรกันบ้าง?

 

Passion คำนี้คนไทยเราใช้กันติดปากจนแทบจะเป็นทับศัพท์ที่พูดแล้วเป็นอันเข้าใจกันว่า คือการที่เราเกิดความหลงใหลเพลิดเพลินในการทำสิ่งใดสิ่งนึงอย่างไม่ย่อท้อ  บางคนเลยเข้าว่าเราต้องเจอ Passion ก่อนจึงจะมีโอกาสประสบความสำเร็จ

 

Passion เป็นภาษาอังกฤษที่แปลว่าแรงผลักดัน  มีลากศัพท์มาจากภาษาลาตินคำว่า “Passio” ซึ่งมีความหมายว่า “Pain”   จะว่าไปแรงผลักนี้น่าจะเกิดจากการที่เราไม่อยากมีความทุกข์และอยากมีความสุข   เลยอยากที่จะมีแรงผลักดันให้ตัวเองนั้นสนุกสนุนเพลินเพลินตลอดเวลา

หมอเองโชคดีหน่อยที่ตั้งแต่เป็นเด็กไม่เคยต้องตามหา passion  เพราะรู้ว่าตัวเองชอบที่จะทำอะไร  นั่นคือ  ชอบและหลงใหลในการแต่งเพลง   จนกลายเป็นเคยทุกข์ใจเพราะต้องผ่อนแรงผลักดันที่มีมากเกินไป

 

จากคำห้ามปรามของคุณพ่อที่บอกว่า  “บางทีชีวิตเราต้องแยกระหว่างความฝันกับความจริง”

การเลือกเรียนนิเทศศาสตร์และมุ่งเป้าเป็นนักแต่งเพลงอาชีพอาจเป็นสิ่งที่หมอรู้ว่าตัวเองมีความสามารถ  ชอบและหลงใหล  การเรียนแพทย์ในวันนั้นอาจเป็นสิ่งที่ตัวเองทำได้แต่รู้สึกเฉยๆและไม่ได้หลงใหล

แต่พอถึงวันนี้ เวลาผ่านมา 20 ปี   ทุกครั้งที่หมอนั่งทบทวนตัวเอง  หมอยังคงรู้สึกขอบคุณพ่อที่ให้ข้อคิด และขอบคุณตัวเองที่ไม่ใช้ชีวิตเดินตามสิ่งที่เราบอกตัวเองว่า “มันคือ Passion ของฉัน”

 

วันนี้ทุกคนรับรู้ว่าหมอคือนักแต่งเพลง ในขณะที่หมอเองกลับรู้สึกว่าตอนนี้ตัวเองหลงไหลในการเป็นจิตแพทย์มากกว่าการเป็นนักแต่งเพลงเสียอีก  ดังนั้นคงมีหลุมพรางของคำว่า Passion ที่เราน่าทำความเข้าใจก่อนที่จะให้ความสำคัญ

ตกลง  Passion นั้นสำคัญจริงมั้ย  เราจำเป็นต้องหามันให้เจอหรือรักษามันไว้เสมอหรือเปล่า ?

เพื่อให้ได้มุมมองที่เปิดกว้างและหลากหลายมากขึ้น  หมอเลยชวน ป๋าเต็ด ยุทธนา บุญอ้อม  พูดคุยกันถึงเรื่องนี้

ที่ต้องเป็นป๋าเต็ด  เพราะป๋าเต็ดไม่ใช่แค่คนที่ต้องทำงานกับคำว่า Passion มาอย่างยาวนาน  จากบทบาทการเป็นผู้สร้างสรรค์ผลงานบันเทิงมากมาย  ป๋ายังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังศิลปินมากมายในเมืองไทยเห็น Passion ของผู้คนที่หลากหลาย  สิ่งที่เราสองคนได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำว่า Passion ร่วมกันคือ

 

  1. Passion สำคัญแต่ไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด

Passion เกิดจากสมองส่วนของอารมณ์ที่มีความต้องการอยากจะได้รับการตอบสนองเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกมีความสุข (Intrinsic Motivation)  ธรรมชาติของ Passion จึงเป็นแรงผลักดันที่เกิดขึ้นเองในตัวเรา  มีพลังแต่เป็นสิ่งที่ไม่แน่นอน  เกิดขึ้นเมื่อรู้สึกชอบและต้องการทำอะไรสักอย่างที่ชอบให้สำเร็จ  เมื่อได้รับความสำเร็จก็จะหายไป  หาเป้าหมายใหม่

แต่ความสำเร็จไม่ใช่เป้าหมายในชีวิตของทุกคน  บางคนมีความสุขเวลาเห็นเงินเข้าบัญชีเยอะๆ บางคนมีความสุขกับการมีความสัมพันธ์ที่ดี  บางคนมีความสุขกับการได้แชร์ประสบการณ์ความรู้กับคนอื่น  และบางคนมีความสุขกับการอยู่เงียบๆคนเดียว เป็นต้น  passion จึงเป็นแค่ส่วนนึงของชีวิตแต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการกลับมาถามตัวเองว่า  “ชีวิตนี้เราให้คุณค่ากับอะไร?”   พี่เต็ดยกตัวอย่าง  หนังฟอร์เรสท์ กัมพ์ อัจฉริยะปัญญานิ่ม (Forrest Gump) เป็นภาพยนตร์แนวชีวิต – เบาสมอง ที่ออกฉายใน ค.ศ. 1994 แสดงนำโดย ทอม แฮงส์

ฟอร์เรสท์ กัมพ์  เป็นเด็กพิเศษด้านออทิสติก  ดังนั้นเค้าจะบกพร่องในเรื่องการรับรู้อารมณ์แต่จะหมกมุ่นกับการลงมือทำ  โชคดีที่แม่ดูแลและสอนให้เค้ารู้ว่าสิ่งที่กัมพ์ไม่ควรทำคือทำให้คนอื่นเดือดร้อน  การที่สมองรับรู้สิ่งกระตุ้นภายนอกได้น้อยทำให้กัมพ์ให้คุณค่ากับสิ่งที่ได้รับมอบหมายให้ทำตรงหน้า  สุดท้ายกัมพ์กลายเป็นคนที่สำเร็จกับทุกอย่างที่ทำทั้งการเป็นทหารเป็นนักปิงปอง  โดยไม่เคยรู้จักคำว่า Passion

 

  1. Passion ไม่ใช่สิ่งที่ต้องตามหาแต่ต้องสังเกต

“ป๋าเต็ด และศิลปินที่ประสบความสำเร็จรอบตัวป๋ามีวิธีการค้นหา Passion  อย่างไร?

ป๋าเต็ดตอบได้กวนแต่จริงว่า  “ถ้าต้องหาก็แสดงว่าไม่ใช่ Passion

Passion เป็นความรู้สึกที่ไม่ต้องพยายาม  แต่เราต้องรู้จักสังเกตตัวเองเพราะมันมีอยู่แล้วในตัวเรา

แต่การที่เราใช้ชีวิตกับการมองชีวิตคนอื่นแล้วเกิดการเปรียบเทียบโดยอัตโนมัติมากเกินไป

อาจทำให้เราไม่ได้ยินเสียงภายในของตัวเอง หรือได้ยินแล้วอาจรู้สึกว่ามันยังไม่เท่พอ เช่น รู้ว่าตัวเองเจียวไข่เก่งมาก  ทุกคนที่ได้ทานต่างชื่นชม  เราก็มีความสุขทุกครั้งที่ได้ทำไข่เจียว  แต่มันดูไม่เท่อวดใครไม่ได้  ดังนั้นการเปรียบเทียบและตัดสินตัวเอง คืออุปสรรคสำคัญของการมองเห็น  passion ที่มีอยู่แล้วในตัวเรา

 

  1. Passion ไม่มีรูปแบบตายตัวสามารถเปลี่ยนสภาพไปได้มากมายแต่แก่นของความหลงใหลยังคงอยู่

ปัจจุบันป๋าเต็ดเป็นเจ้าของบริษัทแก่น ซึ่งจัดอีเว้นใหญ่ๆในประเทศมากมาย  เช่น Big mountain  เมื่อโควิดเกิดขึ้น  ธุรกิจอีเว้นคือธุรกิจแรกที่ต้องหยุด และเป็นธรกิจสุดท้ายที่จะกลับมาเปิด ฟังเท่านี้เราก็รู้สึกเหนื่อยแทนป๋าเต็ดมากๆแล้ว  แต่สิ่งที่ป๋าเต็ดบอกคือ  “เราอาจจะรู้สึกเครียดช่วงแรกแต่ก็กลับมาคิดได้อย่างรวดเร็วว่าเราจะต้องแก้ปัญหาอย่างไร แล้วพี่ก็ชอบที่ชีวิตไม่ใช่การขับรถทางตรงแล้วเปิดแอร์เพราะพี่อาจจะหลับในได้  ชีวิตต้องเจอทางคดเคี่ยวบ้างก็สนุกดี “ป๋ามองปัญหาแบบนี้ได้เพราะมี Passion กับการทำอีเว้นรึป่าว”

คำตอบคือ “ป่าว”  สิ่งนี้คือผลลัพธ์จากการแปลงสภาพของ Passion ให้มีประโยชน์กับชีวิต

เพราะ Passion ของป๋าเต็ดคือการหลงใหลในการดูหนังและมีความฝันตั้งแต่เด็กว่าอยากเป็นผู้กำกับ

ทุกวันนี้ผ่านมา 53 ปีก็ยังไม่ได้เป็นผู้กำกับ  แต่สิ่งที่ได้จากการหลงใหลในการดูหนังคือเทคนิคการเล่าเรื่องที่ไม่เหมือนใคร  แล้วการเป็นนักเล่าเรื่องก็ทำให้ป๋าเต็ดได้มีโอกาสทำงานดีเจ  ซึ่งเป็นช่วงชีวิตที่ได้เรียนรู้การแก้ปัญหาเฉพาะหน้ามากมาย  จนกลายเป็นทักษะที่ยังคงใช้ในงานและชีวิตตลอดมา และถึงการที่ยังคงดูหนังอยู่ด้วย

 

  1. Passion ที่ดีมักเปลี่ยนแปลงได้ตามช่วงชีวิต

“ผ่านมา 53 ปี Passion ในแต่ละช่วงชีวิตเปลี่ยนไปมั้ย  ประสบการณ์มีผลรึป่าว?

คำตอบคือ “เปลี่ยนแปลงได้ เพราะประสบการณ์มีผลและบางคนก็เปลี่ยนแล้วชีวิตจะดีกว่า”

ป๋าเต็ดยกตัวอย่างน้าเน็ค ที่ประสบความสำเร็จอย่างมากในการทำรายการทีวีในช่องหลัก  เพื่อที่ทำให้คนสนุกสนาน  แต่เมื่ออายุเปลี่ยนน้าเน็คมีประสบการณ์ชีวิตมากขึ้น  โลกของสื่อเปลี่ยนเป็นออนไลน์

การเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสมของประสบการณ์และช่วงชีวิต ก็ยังคงทำให้น้าเน็คทำงานอย่างมีคุณค่าในการเป็นคนให้สาระบันเทิงที่เป็นประโยชน์กับน้องๆรุ่นใหม่

 

  1. เจอ Passion แล้วเราก็ยังต้องเจอความทุกข์อยู่ดีแต่มีความอดทนมากขึ้น

มีคนส่งคำถามมาว่า “เคยคิดว่าตัวเองโชคดีที่ได้ทำงานตาม Passion แต่วันนี้กลับไม่มีความสุขแสดงว่างานนี้ไม่ใช่ใช่มั้ย?   Passion แค่ทำให้เรามีความอดทนต่อเรื่องนั้นมากขึ้นเวลาที่เกิดปัญหา  เกิดการตั้งคำถามและวิธีการในการรับมือแต่ไม่ได้หมายความว่าเราจะไม่เหนื่อย  ไม่ทุกข์  ไม่ท้อ  สิ่งเหล่านี้เรายังคงเจอเหมือนเดิม

 

  1. มี Passion ไม่ได้แปลว่าจะประสบความสำเร็จ

เมื่อเจอแรงผลักดันที่ดีแล้ว ต้องลงมือทำ ทำแล้วทำอีก พลาดแล้วเรียนรู้อีก เราจึงจะประสบความสำเร็จ ไม่เช่นนั้น Passion จะกลายเป็นความอยากที่เป็นภาระ

 

  1. การหาจุดสมดุลระหว่าง Passion กับความจริง คือการใส่เงื่อนไขของชีวิตจริงเข้าไปให้มากที่สุด แล้วใช้ passion ในการสร้างความเป็นไปได้ภายใต้เงื่อนไขนั้น

การเจอ Passion  ไม่สำคัญเท่าการเจอจุดสมดุลระหว่างความปรารถนาในใจกับเงื่อนไขของชีวิตจริง

เพราะไม่มีชีวิตไหนไม่มีเงื่อนไขของชีวิต

จะรู้ได้อย่างว่ากังวลแค่ไหนไม่ปกติ

https://youtu.be/-f_nFctBOsY

 

.
ช่องทางการติดต่อเพิ่มเติม
Page : https://www.facebook.com/EarnPiyada/
Instagram : https://instagram.com/earnpiyada?igshid=1tan1d2n1a1l7
Youtube : https://bit.ly/2VJzmOY

#หมอเอิ้นพิยะดา
#จิตแพทย์นักแต่งเพลงรัก
#ที่ปรึกษาด้าน #ความสัมพันธ์ #การสื่อสาร #พัฒนาศักยภาพ