fbpx

เลยก๋อ กันยา 2554 – หมอเอิ้น พิยะดา หาชัยภูมิ

นิตยสาร เลยก๋อ ฉบับที่ ๘ กันยายน ๒๕๕๔ หลังจากที่ได้นั่งฟังเพลง “มากกว่ารัก” อย่างมีความสุข ก็ทำให้อดนึกสงสัยไม่ได้ ว่าใครแต่งเพลงนี้ แล้วถ่ายทอดผ่านน้ำเสียงของนักร้องคนนี้ออกมาได้อย่าง ไพเราะซาบซึ้งใจที่สุด และแล้วก็ได้ทรายว่า คนที่แต่งเพลงนี้คือ หมอเอิ้น พิยะดา หาชัยภูมิ เราไปรู้จักเธอคนนี้กัน

เอิ้น พิยะดา หาชัยภูมิ เป็นคนจังหวัดเลยตั้งแต่กำเนิด จุดเริ่มต้นของการ เป็นนักแต่งเพลง คือการได้มีโอกาสเข้ามาศึกษาต่อที่กรุงเทพ คณะแพทย์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต สละเวลาพักผ่อนมาแต่งเพลง โดยอาศัยความชอบฟังเพลง ชอบขีดๆ เขียนๆ ในที่สุดเธอก็ได้แนวการแต่งเพลงแบบสไตล์ “เอิ้น พิยะดา” จากที่เอาเนื้อร้องบวกทำนองบวกดนตรี ผสมผสานมาเป็นบทเพลงที่คุ้นหู และเป็นที่รู้จักกันทั่ววงการเพลง เธอบอกว่าเพลงที่แต่งออกมาผลตอบรับจะดี หรือไม่ดี จะดังหรือไม่ดังนั้น ขึ้นอยู่กับความชื่นชอบของผู้ฟัง ในที่สุดเพลงที่แต่ง จากมือของ “เอิ้น พิยะดา” ก็มีชื่อเสียง ถือเป็นกำไรจากที่ได้ทุ่มเทในการทำงานเพลงของเธอ

หลายๆ คนอาจไม่รู้จักหมอเอิ้น แต่ต้องร้องอ๋อ ถ้าได้ฟังเพลงเหล่านี้

  • กัลยากร: เพื่อนรัก, ขอโทษ
  • แอน-ธิติมา ประทุมทิพย์: ลาลา รักเธอ, เจ็บซ้ำ ซ้ำ
  • 2 become 1: อยากบอกว่ารัก, แมวเหมียว
  • กบ-เสาวนิตย์ นวพันธุ์: ฉันจะยืนข้างเธอ
  • บัวชมพู ฟอร์ด: ขอทำตามหัวใจ
  • เพลงประกอบรายการ “เงาะถอดรูป” ทางช่อง 3
  • เพลงประกอบละคร “นิราศสองภพ” ทางช่อง 3
  • เพลงประกอบละคร “ฟ้าสวยเลนส์ใส” ทางช่อง 7 ได้แก่ เพลง รักก็คือรัก โดย
  • แอน-ธิติมา และ เกลียดอย่างไหนได้อย่างนั้น โดย เสนาหอย
  • เพลง Theme Song “เลยต้องอ่อนหวาน” สำหรับโครงการเด็กไทยไม่กินหวาน
  • จัดโดย โครงการชุมชนคนรักสุขภาพออนไลน์
  • อัลบั้ม Behind the Songs
  • มากกว่ารัก (โรส ศิริทิพย์ ost. เการักที่เกาหลี Sorry ซารางเฮโย,พีท เดอะสตาร์ อัลบั้ม : Voice Male)
  • คำขอครั้งสุดท้าย LADY drama – ZAZA

หมอเอิ้น-พิยะดา หาชัยภูมิ ที่เลือกทางเดินชีวิตในแบบที่ใครหลายคน อาจมองว่าเป็นไปไม่ได้…การเป็นหมอและนักแต่งเพลงในเวลาเดียวกัน ซึ่งจนถึง วันนี้ ผลงานที่โดดเด่นในฐานะนักแต่งเพลงกับการเป็น 1 ใน 10 นักแต่งเพลงที่ น่าจับตามองของนิตยสาร DDT และรางวัลคนเก่งแห่งปีของนิตยสาร Classroom น่าจะเป็นเครื่องพิสูจน์พรสวรรค์อันโดดเด่นของเธอได้เป็นอย่างดี ความสามารถ พิเศษในด้านดนตรีของหมอเอิ้นเกิดจากการสนับสนุนของคุณพ่อคุณแม่ ที่ อนุญาตให้เธอลองทำในทุกอย่างที่อยากจะทำ ตราบใดที่สิ่งนั้นดีและมีประโยชน์ จริงๆ เธอเล่นดนตรีไทยมาตั้งแต่เด็กๆ และเริ่มแต่งเพลงมาตั้งแต่ช่วงม.3 ซึ่งใน ตอนแรกเป็นเพลงที่เธอแต่งให้ครอบครัวหรือเพื่อนๆ ในโอกาสพิเศษต่างๆ แล้ว ค่อยก้าวสู่ถนนของนักแต่งเพลงมืออาชีพกับเพลง เพื่อนรัก ร้องโดย เอิน-กัลยากร

และจากนั้น ผลงานของหมอเอิ้นก็ปรากฏออกมาเป็นระยะ จากนักเรียนทุนพระราชทานในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประจำภาค ตะวันออกเฉียงเหนือสู่ชีวิตของนักศึกษาแพทย์นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย “เอิ้นเลือก เป็นหมอ เพราะเอิ้นสูญเสียคุณพ่อไปเพราะโรคมะเร็งตับในช่วงสอบเอนทรานซ์ ตอนนั้นเอิ้นสัญญากับตัวเองว่า จะดูแลรักษาคนอื่นแทนที่คุณพ่อ จะเรียนหมอ เพื่อคุณพ่อคุณแม่” แต่การสอบเอนทรานซ์ครั้งแรก หมอเอิ้นสอบติดคณะวิศวะฯ

ซึ่งผิดจากที่คาดหวังไว้มาก “1 ปีในวิศวะฯ สอนให้เอิ้นรู้จักปรับตัว เรียนรู้ชีวิต และมองโลกในหลากหลายแง่มุมขึ้น” และการสอบติดคณะแพทยศาสตร์ในปี ถัดมาก็หมายถึงการต้องอยู่ห่างไกลจากบ้านและสิ่งแวดล้อมที่คุ้นเคยมาตั้งแต่เด็ก หมอเอิ้นค่อยๆ ปรับตัวให้เข้ากับชีวิตใหม่และในขณะเดียวกันก็หยิบเอาเรื่องราวที่ พบเห็นอยู่รอบตัวมาสร้างแรงบันดาลใจในการแต่งเพลง เธอใช้บทเพลงที่แต่งขึ้น เองถ่ายทอดความห่วงใยให้คนรอบตัว มองเรื่องราวของคนอื่น พยายามที่จะเข้าใจ แล้วจึงหยิบความรู้สึกนั้นมาเขียนเป็นเพลง “วงการเพลงสอนให้เอิ้นรู้จักเข้าใจคน อื่นจริงๆ การจะเขียนเพลงให้ได้ดีนั้น เราจะต้องเป็นส่วนหนึ่งของคนๆ นั้น รับรู้ ความรู้สึกของเค้าก่อนที่จะเอาเรื่องราวของเค้ามาเขียนได้” ซึ่งนั่นก็เป็นอีกสาเหตุ หนึ่งที่ทำให้อัลบั้ม Behind the Songs ของหมอเอิ้น มีเพลงเป็น theme หลัก มีเนื้อเพลงที่เขียนด้วยใจและความรู้สึกที่ว่า “บางครั้งเอิ้นก็อยากได้ยินคำพูด ทำนองนี้บ้าง”

หลังจากที่เรียนจบ เอิ้น พิยะดา ได้กลับมาทำหน้าที่ของคุณหมดแสน สวยที่บ้านเกิด ปัจจุบันประจำที่ โรงพยาบาลจิตเวชเลยราชนครินทร์ และยังคง ไม่ทิ้งการแต่งเพลงที่เธอรักยิ่ง ทำให้เธอรู้ว่าการแต่งเพลงกับการเป็นหมอ เป็น ส่วนที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ การเป็นหมอเป็นเสมือนดังร่างกายของเธอ ส่วนการทำงานเพลงเป็นเหมือนดั่งจิตใจ ถ้าขาดสิ่งหนึ่งสิ่งใดไปก็เปรียบได้กับ ร่างกายที่ไร้ซึ่งวิญญาณ สองสิ่งนี้เป็นสิ่งที่มีคุณค่ากับ “เอิ้น พิยะดา” มาก “หมอเอิ้น” กล่าวถึงงานที่ทำว่า จากที่คิดว่าการเป็นนักแต่งเพลงคือที่สุด ของชีวิตแล้ว และการได้เป็นหมอก็คือที่สุดของชีวิตแล้ว แต่พอเวลาผ่านไป เริ่ม มองเห็นว่า เงินทอง ชื่อเสียงที่สั่งสมมา มันไม่มีความจำเป็น ถ้าเกิดว่าชีวิตเรา ไม่มีสมดุล เราจะทำไปทำไม ทำเพื่อใคร ทำเพื่ออะไร กลับมาบ้านก็ยังไม่เจอ ครอบครัว ไม่เจอคนที่เรารัก สุดท้ายต้องอยู่คนเดียว จากคำถามที่คอยถามตัวเอง อยู่ตลอดเวลา จนสุดท้ายมันไม่ใช่คำตอบของชีวิต เป้าหมายในชีวิตจริงๆ แล้ว คือทำให้ชีวิตเราสมดุลที่สุด โดยที่เราอาจไม่มีทรัพย์สินเงินทองมาก ไม่มีชื่อเสียง แต่เรามีเวลาให้ครอบครัว ได้กลับมาดูแลครอบครัว คนที่เรารัก จากกการที่ทำงานทั้งสองส่วน ทั้งการเป็นหมอและการแต่งเพลง ทำให้

เอิ้น พิยะดา หาชัยภูมิ ออกผลงานรวมศิลปิน โดยการปรับเปลี่ยนแนวเพลงใหม่ ซึ่งก็ได้แนวความคิดตอนการเรียนด้านจิตแพทย์ ว่าเพลงที่แต่ง เนื้อหาของเพลง เป็นส่วนสำคัญ และสามารถช่วยคนได้ โดยจะทำเพลงที่คนฟังแล้วรู้สึกดีขึ้น ได้แง่คิด มุมมองมากขึ้น โดยถ่ายทอดบทเพลงจากศิลปินที่ถูกคัดเลือกให้เหมาะ สมกับบทเพลงนั้นๆ สุดท้าย หมอเอิ้นฝากว่า จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุด ให้เริ่มต้นที่ตัวเราก่อน แล้ว ลองถามตัวเองก่อนว่า ฉันรักอะไร ฉันชอบอะไร ฉันมีความสุขกับการทำอะไร แล้วถามตัวเองว่า ฉันจะทำอะไร ทำเพื่ออะไร เพราะอะไร พอได้คำถามสำหรับ ตัวเองแล้ว เราจะรู้แนวทางในการนำศักยภาพของตัวเองออกมาใช้ได้ ต้องค้นหา ตัวเองให้เจอ แล้งลงมือทำให้เต็มที่ เชื่อว่าความสำเร็จอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม หมอ เอิ้นเชื่อว่า ความสำเร็จที่เธอได้มาในทุกวันนี้เป็นผลของการที่เธอได้ทุ่มเททำในสิ่ง ที่เธอรักให้ดี