fbpx

Behind your Song : ในวันที่ฉันป่วย (ช่วยให้เจอเพื่อนแท้)

Behind your Song : ในวันที่ฉันป่วย (ช่วยให้เจอเพื่อนแท้)

ไม่ว่าเพื่อนแท้คือคนที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ห่างไกลกันสักเพียงไร หรือนานแค่ไหนที่ไม่ได้เจอ แต่แค่เราได้คิดถึงก็เหมือนได้อยู่ใกล้ และบอกตัวเองว่าคนคนนี้เราจะคิดถึงเค้าตลอดไป ในวันที่ฉันป่วย (ช่วยให้เจอเพื่อนแท้)

ตั้งแต่ คอลัมน์ behind your song ประกฎในนิตยสาร DDT รวมครั้งนี้ คงเป็นฉบับที่ 4 แล้ว น่าชื่นใจจริง ๆ
ที่มีคนเขียนเข้ามา เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้เอิ้นได้อ่าน บางคนก็ …. เขียนเป็นเนื้อเพลง แต่ไม่รู้ว่าทำนองเป็นยังไง บางคนก็เขียนเป็นกลอน บางคนก็เขียนเป็นประโยคสั้น ๆ หรือ หลายคนส่งมาเป็นคำถาม จนเอิ้นเองก็ไม่รู้ว่า จะเอาเรื่องของใคร มาลงก่อนดี ใจเย็น ๆหน่อยนะค่ะ งั้นเอาเป็นว่า … ครั้งนี้ ขออนุญาตเลือกตามสถานการณ์ใกล้ตัวก่อนแล้วกันนะคะ

เมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา เอิ้นได้เปลี่ยนสถานะตัวเอง จากหมอ เป็นคนไข้ แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า ในวันที่ฉันป่วยวันนั้น
จะช่วยให้เรา ได้พบอะไรดี ๆ น่ารัก ๆ ซ่อนเร้นอยู่รอบตัวเราเต็มไปหมด และคงไม่ต่างจากผู้อ่าน เจ้าของบทความนี้


ถึงเอิ้นค่ะ ………. วันนี้เธออาจมองไม่เห็นฉัน ในฐานะของคนสำคัญ ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉัน ยืนอยู่ข้างหลังเธอ ไม่ต้องรู้หรอกว่าฉัน อยากหายใจร่วมกับเธอ เรียกฉันว่าเพื่อนเถอะ เพื่อที่เราจะเดินข้างกันได้ตลอดไป คนบางคนเลือกที่จะเป็นเพื่อน ด้วยเหตุผลแค่นี้ แค่อยากจะมีกันและกันไปตลอดชีวิต เป็นคนปานกลาง ที่ยอมเว้นที่ว่าง ให้เรา เดินข้างกันได้ตลอดไป ………… จริง ๆแล้ว อยากแต่งเพลงด้วยตัวเอง แต่แต่งไม่เป็นจะหัดตอนนี้ก็อาจไม่ทัน ต้นปีหน้าเพื่อนที่รักที่สุดจะไปเรียนต่อ อีกนาน กว่าจะได้เจอกันอีก แค่คิดว่าจะไม่ได้เห็นหน้ากัน ก็กลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว เลยอยากให้มีเพลงดี ๆ ที่จะสื่อถึงกันได้ ให้เค้าเอาไปฟังตอนที่อยู่ไกลกัน

อยากเค้าบอกว่า “เราเลือกที่จะเป็นเพื่อน เพราะว่าอยากจะมีเค้าอยู่ข้าง ๆ ไปตลอดชีวิต เป็นแบบอื่นมันวูบไหวเกินไป เพื่อน ถึงจะไกลกัน แต่ก็มั่นคงเสมอ”

ประมาณนี้น่ะค่ะ ฟังเพลงของเอิ้นมาหลายเพลงไม่เคยผิดหวัง หวังว่าเอิ้นจะช่วยให้สมหวังได้นะคะ ขอบคุณมาก ๆค่ะ


“ต้องขอบคุณเกตสิรินด้วยนะค่ะสำหรับเรื่องดีดี” พออ่านบทความนี้จบ เอิ้นรู้สึกเข้าใจกับความรู้สึกของเจ้าของเรื่องนี้มาก ก็เพราะย้อนไปคิดถึงเมื่อต้นเดือนนั่นแหละค่ะ

ตอนนั้น เอิ้นเข้าโรงพยาบาล ด้วยอาการติดเชื้อ ไวรัส จนทำให้ถ่ายเกือบตลอดเวลา แถมคอก็เจ็บระบมจนกินอะไรไม่ได้ ผลที่ตามมาก็คือ นอนหมดแรงอยู่บนเตียง ในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ เพียงลำพังคนเดียว แว้บแรกที่ตั้งสติได้ จึงรีบโทรศัพท์ หาเพื่อนคนหนึ่ง ซึ่งเป็นหมอที่มาเรียนต่อเฉพาะทางในชั้นปีเดียวกัน มันชื่อ “ส้ม” ภายในเวลา ไม่ถึง 10 นาที ส้มก็โผล่เข้ามาในห้องของเอิ้น แล้วจัดแจงเก็บข้าวของเครื่องใช้ เท่าที่จำเป็น แล้วพามาส่งโรงพยาบาล

ต้องบอกก่อนว่า เพื่อนในชั้นปีนี้ มีทั้งหมด 10 คน รวมเอิ้นด้วย หลังจากมาถึงโรงพยาบาล “พี่เบิร์ด” เพื่อนอีกคนหนึ่ง ก็จัดการ เรื่องเอกสาร การนอนโรงพยาบาล และหยูกยาให้อย่างเรียบร้อย ความซวยซ้ำซ้อนก็คือ วันนั้น ดันเป็นวันที่เอิ้นต้องอยู่เวร เพื่อนชื่อ “โอเปิ้ล” ก็เต็มอกเต็มใจ มาอยู่เวรแทน และควบตำแหน่ง คนเฝ้าไข้อีก 1 ตำแหน่ง ตื่นเช้าขึ้นมาวันใหม่ อาการยังคงทรง ๆ ทรุด ๆ คอเจ็บจนทานอะไรไม่ได้ แต่พอ เพื่อนชื่อ “โอเล่” ซื้ออาหารเช้า เป็นข้าวเหนียวหมูทอด ขึ้นมาฝากแต่เช้า อยากบอกมันจริง ๆ เลยว่า “ชั้นกลืนน้ำลายยังอยากจะร้องไห้เลย แกดันซื้อข้าวเหนียวหมูทอดมาให้” ไม่อิ่มกาย แต่อิ่มใจจัง

สักพัก เพื่อนชื่อ “อุ๋ม” ก็วิ่ง ทะเล่อทะล่า ในมือกำช่อดอกไม้ ที่หักบ้างเหี่ยวบ้าง และสันนิษฐานได้ว่า เก็บมาจากริมรั้ว เข้ามาขอโทษขอโพย “ขอโทษที่นะแก ที่ชั้นมาช้า พอดีชั้นพึ่งขับรถชนท้ายชาวบ้านมา โทรศัพท์ก็ลืมไว้ที่บ้าน ชั้นเลยต้องยืมโทรศัพท์คู่กรณี โทรหาประกัน คู่กรณีของชั้น เค้าก็ดี แค่ทำหน้าเอือม ๆ ใส่ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่พอเมียเขามานี่สิ ด่ากราดทั้งชั้น ทั้งผัวตัวเอง ซะไม่มีชิ้นดีเลย โชคดี ที่ไม่นานประกันก็มาถึง ไม่งั้นชั้นคงตายเพราะคำด่ากลางถนน เพราะรถคู่กรณีชั้น ไปชนรถคันอื่นต่ออีก 3 คัน ประกันบริษัทนี้ ทำงานใช้ได้ แต่ชั้นแอบเคืองอยู่ เพราะเค้าดันนั่งทับดอกไม้ที่ชั้น เก็บมาฝากแก ขอโทษด้วยนะ ที่วันนี้ดอกไม้ชั้นมันหักไปหน่อย”

ในขณะที่อุ๋ม บรรยายเรื่องต่าง ๆ อยู่นั้น มือก็จัดแจกันดอกไม้ น้ำเสียงและสีหน้าช่างไม่สอดคล้องกับเรื่องที่เล่าอะไรเช่นนี้ ช่วงกลางวัน เป็นเวลาที่ทุกคนมีภารกิจ แต่ก็จะมีหนึ่งคนที่มีเวลาว่าง พอที่จะไปทำภารกิจส่วนตัวของตัวเองได้ ภารกิจส่วนตัวของเพื่อนที่ชื่อ “โหน่ง” ในวันนั้น ก็กลายเป็นนั่งอ่านหนังสือ ข้างเตียงคนไข้ ที่มีสายน้ำเกลือระโยงระยาง

ตอนเย็น เป็นช่วงเวลาเลิกงานของพวกเรา ทุกคนก็จะมารวมกันที่ห้องเอิ้น เพื่อนชื่อ “พี่ใหญ่” ก็จะจัดสรรอาหารการกิน มาให้ทุกคนได้อิ่มหนำสำราญ จนลืมไปเลยว่า “กูป่วย” และด้วยความที่ จะมีเพื่อน ๆ ผลัดกันมาเฝ้าอยู่ตลอด เพื่อนที่ชื่อ “พี่วิทย์” ก็จะจัดสรรของว่างเอาไว้ให้ทุกคนจนเต็มตู้เย็น ตอนกลางคืน ก็จะคอยแวะเวียนมาส่องที่หน้าประตูห้องอยู่เสมอ ตอนนอน ก็จะมีเพื่อนชื่อ “แจน” นอนเฝ้าข้างเตียงทุกค่ำคืน ครั้งนี้เป็นครั้งแรกในชีวิต ที่ต้องล้มหมอนนอนเสื่อ ถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลเป็นเรื่องเป็นราว กินอะไรไม่ได้ ถ่ายอย่างเดียว จนน้ำหนักลดไป 3 กิโล ภายใน 2-3 วัน ไม่มีพ่อแม่ หรือญาติคนใดรับรู้ เพราะเขาอยู่ไกล และกลัวว่าจะไม่สบายใจ ฟังดูเหมือนเป็นช่วงชีวิต ที่กำลังเผชิญหน้ากับความทุกข์ เข้าเต็มเปา แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่า เอิ้นกลับมีความสุข อย่างบอกไม่ถูก ทุกครั้งที่เจอหน้าเพื่อนทั้ง 9 คน แม้ว่าเราทั้งหมด จะมีโอกาสได้อยู่ร่วมกันเป็นกลุ่มเป็นก้อน เพียงแค่ 3 ปี ก่อนที่จะต้องกระจายตัวไปอยู่ตามโรงพยาบาลต่าง ๆ ตามภารกิจของตัวเอง

นี่เป็นบทความที่เขียนจากความจริง และเป็นข้อเฉลย ว่าทำไม หลังจากอ่าน E-mail ของคุณ….เอิ้นถึงไม่รีรอ ที่จะเขียนเพลง ๆ นี้ขึ้นมา เอิ้นไม่รู้ว่า ความหมายของคำว่าเพื่อนแท้ ของแต่ละคนเป็นยังไง แต่สำหรับเอิ้น ไม่ว่าเพื่อนแท้คือคนที่ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ไหน ห่างไกลกันสักเพียงไร หรือนานแค่ไหนที่ไม่ได้เจอ แต่แค่เราได้คิดถึงก็เหมือนได้อยู่ใกล้ และบอกตัวเองว่าคนคนนี้เราจะคิดถึงเค้าตลอดไป